โศกนาฏกรรมมิวนิค และตำนาน "บัสบี้ เบบส์"

จุดเริ่มต้นแห่งความรุ่งโรจน์ของ "บัสบี้ เบบส์"

เรื่องราวนี้เป็นโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นเรื่องราวของทีมชุดเยาวชนที่ปั้นโดยผู้จัดการทีมผู้ยิ่งใหญ่ เซอร์ แมตต์ บัสบี้ ทีมชุดนี้ถูกเรียกขานด้วยความรักว่า "บัสบี้ เบบส์" (Busby Babes) พวกเขาเป็นนักเตะวัยหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และสร้างผลงานได้อย่างน่าทึ่ง นำพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกติดต่อกันในปี 1956 และ 1957 และเป็นทีมแรกของอังกฤษที่ลงเล่นในฟุตบอล ยูโรเปียน คัพ (ปัจจุบันคือ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก) ความสำเร็จของพวกเขาถูกคาดหวังว่าจะนำความยิ่งใหญ่มาสู่ทีมชาติอังกฤษและวงการฟุตบอลโลกในอนาคต

วันแห่งหายนะที่มิวนิค (6 กุมภาพันธ์ 1958)

ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1958 ทีม "บัสบี้ เบบส์" กำลังเดินทางกลับจากเมืองเบลเกรด ประเทศยูโกสลาเวีย หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในศึกยูโรเปียน คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศกับ เร้ด สตาร์ เบลเกรด เครื่องบินเช่าเหมาลำของพวกเขาได้แวะเติมเชื้อเพลิงที่สนามบินมิวนิกรีม ในประเทศเยอรมนีตะวันตก แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย มีหิมะตกหนัก ทำให้การขึ้นบินครั้งที่สามต้องเผชิญกับ หิมะกึ่งน้ำแข็ง (Slush) บนรันเวย์ ทำให้เครื่องบินไม่สามารถทำความเร็วได้เพียงพอที่จะทะยานขึ้น และไถลออกนอกรันเวย์ไปชนกับบ้านพักและโรงเก็บของ จนเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่

ความสูญเสียอันน่าเศร้าและวีรบุรุษผู้รอดชีวิต

เหตุการณ์ครั้งนั้นคร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือไปทั้งสิ้น 23 คน รวมถึงนักเตะคนสำคัญของทีมไป 8 คน หนึ่งในผู้เสียชีวิตคือ ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ (Duncan Edwards) กองกลางวัย 21 ปี ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ที่สุดในยุคนั้น เขาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในอีก 15 วันต่อมา เซอร์ แมตต์ บัสบี้ เองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบเอาชีวิตไม่รอด ขณะที่ผู้เล่นอย่าง บ็อบบี้ ชาร์ลตัน (Bobby Charlton) และ แฮร์รี่ เกร็กก์ (Harry Gregg) ผู้รักษาประตู ได้รับการยกย่องในฐานะวีรบุรุษที่ช่วยดึงเพื่อนร่วมทีมและผู้โดยสารออกจากซากเครื่องบินที่กำลังลุกไหม้

มรดกแห่งความเพียรพยายามและการกลับมาที่ยิ่งใหญ่

ความสูญเสียครั้งนี้ทำให้สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเริ่มต้นสร้างทีมขึ้นมาใหม่ โดยมี เซอร์ แมตต์ บัสบี้ เป็นผู้นำในการฟื้นฟูทีมจากความพ่ายแพ้ทางอารมณ์และกำลังคน บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ที่รอดชีวิต กลายเป็นหัวใจสำคัญของทีมชุดใหม่ ในที่สุด 10 ปีต่อมา ทีมปีศาจแดงก็สามารถกลับมายืนหยัดได้อย่างยิ่งใหญ่ และคว้าแชมป์ยูโรเปียน คัพ ได้เป็นครั้งแรกในปี 1968 ซึ่งเป็นความสำเร็จที่อุทิศให้กับ "บัสบี้ เบบส์" ผู้ล่วงลับ โศกนาฏกรรมมิวนิคจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ความทรงจำอันเจ็บปวด แต่เป็นรากฐานของความแข็งแกร่งและจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ของสโมสรมาจนถึงปัจจุบัน





Post a Comment

ใหม่กว่า เก่ากว่า