ยุคทองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
หากพูดถึง “ยุคทอง” ของสโมสรฟุตบอลในโลกนี้ ชื่อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ย่อมติดอันดับต้น ๆ อย่างไม่มีข้อกังขา โดยเฉพาะในช่วงปลายยุค 1990 ถึงต้น 2000 ภายใต้การนำของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ปลุกผีแดงให้กลายเป็นทีมที่น่าเกรงขามที่สุดในเกาะอังกฤษ และได้รับการยกย่องอย่างสูงในเวทียุโรป
หนึ่งในหมุดหมายสำคัญของยุคทองนี้คือฤดูกาล 1998/99 เมื่อแมนฯ ยูไนเต็ดสร้างประวัติศาสตร์คว้า ทริปเปิลแชมป์ (พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก) เป็นทีมแรกของอังกฤษ ด้วยนักเตะระดับตำนานอย่าง เดวิด เบ็คแฮม, รอย คีน, พอล สโคลส์, แกรี่ เนวิลล์ รวมถึงสองฮีโร่ผู้พลิกเกมในค่ำคืนที่คัมป์นูอย่าง เท็ดดี้ เชอริงแฮม และโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์
แต่ “ยุคทอง” ของยูไนเต็ดไม่ได้จบแค่ปี 1999 เพราะความสำเร็จยังคงต่อเนื่องยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกหลายสมัย และสร้างนักเตะระดับโลกอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, รูนีย์, ริโอ เฟอร์ดินานด์ และเนมานย่า วิดิช ที่รวมพลังพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกอีกครั้งในปี 2008 จากการดวลจุดโทษชนะเชลซีที่มอสโก
สิ่งที่ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดในยุคทองโดดเด่น ไม่ใช่แค่เรื่องแชมป์ แต่คือ “วัฒนธรรมฟุตบอล” ที่เฟอร์กูสันปลูกฝังให้กับนักเตะ – ความทุ่มเท, ความสามัคคี, การต่อสู้จนนาทีสุดท้าย และการให้โอกาสดาวรุ่ง ซึ่งกลายเป็นหัวใจของ “Class of '92” ที่แฟนบอลยังกล่าวถึงไม่รู้จบ
แม้ปัจจุบัน ยูไนเต็ดจะพยายามสร้างยุคใหม่ขึ้นมาอีกครั้งหลังการอำลาของเฟอร์กูสันในปี 2013 แต่ภาพจำของยุคทองยังคงเป็นแรงบันดาลใจและหมุดหมายให้แฟนบอลทั่วโลกได้ “ตามรอยลูกหนัง” ไปสู่วันคืนแห่งเกียรติยศอีกครั้ง








แสดงความคิดเห็น